Menu
1. ซิดนีย์ (Sydney)
ซิดนีย์ (Sydney) เป็นเมืองหลวงของรัฐนิวเซาเวลส์ (New South Wales) มีจำนวนประชากรกว่า 4 ล้านคนมากที่สุดในออสเตรเลีย เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียและเป็นเมืองหนึ่งที่นักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาตินิยมไปเรียนต่อกันในประเทศออสเตรเลีย
ซิดนีย์เป็นเมืองแห่งสีสัน มีร้านค้าและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่าง มีระบบคมนาคมที่สะดวกสบาย และอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของนักเรียนไทยคือมีสถาบันภาษาและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากมาย
ซิดนีย์เมืองที่มีสภาพอากาศ 4 ฤดู แต่ถือว่าเป็นเมืองที่มีแสงแดดที่อบอุ่นเกือบตลอดทั้งปีเมืองหนึ่งของออสเตรเลีย และร้อนแห้งในฤดูร้อนช่วงฤดูร้อนอาจจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูหนาวอาจจะลดต่ำอยู่ที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียส ฤดูใบไม้ผลิคือช่วงเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายนเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย 11-24 องศาเซลเซียส เหมาะกับการเดินทางและการทำกิจกรรมต่างๆ
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
ระบบคมนาคม
มหาวิทยาลัยชื่อดังของซิดนีย์
2. เมลเบิร์น (Melbourne)
เมลเบิร์น (Melbourne) เป็นเมืองหลวงของรัฐวิคทอเรีย (Victoria) เป็นเมืองทางใต้ของประเทศออสเตรเลีย ที่มีประชากรมากเป็นอันดับสอง รองจากซิดนีย์ เมลเบิร์นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดเมืองหนึ่งของโลก เพราะเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผู้คนเป็นมิตร เป็นประเทศออสเตรเลียและเป็นเมืองที่นักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาตินิยมไปเรียนมากที่สุดในประเทศออสเตรเลีย
เมลเบิร์นยังได้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย มีศูนย์การค้าสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ รวมทั้งตลาดนัดที่มีของให้เลือกมากมาย เมลเบิร์นเป็นเมืองวัฒนธรรมอันขึ้นชื่อของออสเตรเลีย เป็นทั้งเมืองแห่งศิลปะ ดนตรี และการละคร อีกทั้งยังเป็นแหล่งสตรีทอาร์ทและวัฒนธรรมกาแฟระดับโลก เป็นที่ตั้งของอาคารสถาปัตยกรรมเก่าๆ พิพิธภัณฑ์ อาร์ตแกลอรี่ดีๆ
สภาพอากาศของเมลเบริน์เป็นเมืองที่มีฤดูหนาวมากกว่าฤดูอื่น ช่วงฤดูหนาวคือในช่วงมิถุนายน-สิงหาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 6-15 องศาเซลเซียส และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มี 4 ฤดูในหนึ่งวันเลยทีเดียว ฤดูร้อนของเมลเบิร์นคือช่วงธันวาคม–กุมภาพันธ์ อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 13-26 องศาเซลเซียส
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
ระบบคมนาคม
มหาวิทยาลัยชื่อดังของเมลเบิร์น
* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
3. บริสเบน (Brisbane)
บริสเบน (Brisbane) เป็นเมืองหลวงของรัฐควีนสแลนด์ (Queenland) บริสเบนเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองมาจากซิดนีย์ และเมลเบิร์น และยังเป็นรัฐที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติหลายแห่งเช่น Gold Coast และมีแนวปะการัง (Great Barrier Reef) ที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย
บริสเบนเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศแบบกึ่งร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 16-25 องศาเซลเซียส และมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นเกือบตลอดทั้งปี เป็นเมืองที่ปลอดภัยและเหมาะกับนักเรียนต่างชาติ
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
ระบบคมนาคม
มหาวิทยาลัยชื่อดังของบริสเบน
4. แอดิเลด (Adelaide)
แอดิเลด (Adelaide) เป็นเมืองหลวงของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย (South Australia) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของออสเตรเลีย เป็นอีกนึงเมืองที่น่าสนใจและเหมาะกับการเรียนต่อมากๆอีกเมืองนึง ซึ่งคนไทยหลายๆคนอาจจะยังไม่คุ้นหูดีนัก เมืองแอดิเลดเป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดเมืองนึงของออสเตรเลีย และเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดในออสเตรเลีย แอดิเลดที่มีทัศนีย์ภาพที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม ไม่ว่าจะเป็น ชาดหาด ไร่องุ่น ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์ชั้นดี และเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วยนะคะ
สภาพอากาศของเมืองแอดิเลดมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนและแห้งในฤดูร้อนในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิอยู่ที่ 17—28 องศาเซลเซียส ช่วงฤดูหนาวในช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคมจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 8-16 องศาเซลเซียส ช่วงอากาศที่เหมาะกับการเดินทางที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะมีอุณหภูมิ 13-13 องศาเซลเซียส
แอดิแลดมีมหาวิยาลัยและสถาบันการศึกษาชื่อดังหลายแห่งเช่น University of Adelaide, University of South Australia
สำหรับใครที่ต้องการ PR (Permanent Resident) หรือการเป็นผู้พำนักถาวรในประเทศออสเตรเลียในอนาคตนั้นการมาเรียนที่แอดิเลดถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะ South Australia ถือเป็นเขต Reginal Area ที่มีผลต่อการสมัคร PR ผ่านทางการขอ Skill Migrant หรือทักษะทำงานทั้ง subclass 491 (skilled work regional) และ subclass 494 (Skilled Sponsored Provisional Regional) นี้นั้น จะเป็นตามการณรงค์ของทางรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเขตภูมิภาคของประเทศออสเตรเลีย
Reginal area คือหัวเมืองเล็กๆ หรือเมืองรอบนอก ที่จำนวนประชากรไม่หนาแน่น และอยู่ไกลเมืองใหญ่ ทางรัฐบาลเลยอยากให้คนไปอยู่ตามหัวเมืองเล็กๆเพื่อให้ประชากรไม่แออัดกันในเมืองใหญ่ Subclass นี้จะยื่นภายในประเทศออสเตรเลียหรือนอกออสเตรเลียก็ได้ แต่ผู้ยื่นต้องมีอายุไม่เกิน 45 ปี และต้องเสนออาชีพที่มีรายชื่อกำหนดไว้ในรายชื่ออาชีพทักษะ (Skilled occupations list หรือ SOL) ซึ่งจะต้องผ่านการประเมินวุฒิและประสบการณ์ก่อน
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
ระบบคมนาคม โดนรวมขนส่งคมนาคมของที่นี้จะดีและรวดเร็วมากๆ เป็นเมืองที่สามารถเดินทางถึงกันได้ภายใน 20 นาที (Twenty-minute city)
มหาวิยาลัยชื่อดังของแอดิแลด
5. เพิร์ท (Perth)
เพิร์ท (Perth) เป็นเมืองหลวงของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (Western Australia) ซึ่งเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสิ้น 2,525,500 ตารางกิโลเมตร แต่จำนวนประชากรของรัฐนี้มีเพียงประมาณ 2 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรในเมืองซิดนีย์เท่านั้น
เพิร์ท เป็นเมืองที่มีแสงแดดมากที่สุดในออสเตรเลีย อากาศอบอุ่นและมีแสงแดดยาวนานหลายเดือน ในฤดูร้อนก็กำลังดี ไม่ร้อนจัดและไม่มีฝน ส่วนในช่วงฤดูหนาวเดือน มิถุนายน-สิงหาคม อากาศประมาณ 9-19 องศาเซลเซียสเท่านั้น จึงทำให้เพิร์ทเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและสวยงาม ผู้คนมีอัยาศัยดี เป็นมิตร อีกทั้งเพิร์ทยังเป็นเมืองที่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ และเมืองยังตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ Swan และแม่น้ำ Canning มีที่ชายหาดฝั่งทะเลมหาสมุทรที่งดงาม เพิร์ทยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดเมืองหนึ่งของออสเตรเลียอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
ระบบคมนาคม การเดินทางในเพิร์ทจะอยู่ภายใต้ Transperth ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทั้งรถเมล์ รถไฟ และเรือข้ามฟาก
มหาวิยาลัยชื่อดังของเพิร์ท
6. ดาร์วิน (Darwin)
ดาร์วิน (Darwin) เป็นเมืองหลวงของรัฐนอร์ทเทอร์นเทร์ริทอรี Northern Territory และอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศออสเตรเลีย ติดกับทะเลติมอร์ โดยสามารถชมวิวมหาสมุทรที่สวยงาม Darwin มีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายมาก เริ่มจากชายหาดที่สวยงาม ป่าดิบชื้น รวมถึงทุ่งหญ้าแบบทะเลทราย
สำหรับสภาพภูมิอากาศ มีอากาศแบบร้อนอบอุ่นทางตอนเหนือ และอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาทางตอนใต้ มีฝนตกชุกในเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 19.3 องศาเซลเซียส ฤดูที่เป็น High Seasons จะอยู่ในช่วงเดือน พฤษภาคม-กันยายน เนื่องจากเป็นช่วงที่ไม่มีฝนตก และอากาศไม่ร้อนมาก อุณหภูมิจะอยู่ในช่วง 14 องศาเซลเซียส ทำให้ที่นี่จึงมีพืชพรรณแปลกใหม่มากกว่า 4,300 สายพันธุ์ และสัตว์ท้องถิ่นแปลกตาอีก 400 ชนิด
จุดเด่นของเมืองนี้คือความสมดุลของการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ควบคู่ไปกับการรักษาความเป็นธรรมชาติไว้ เพราะเป็นเมืองที่มีประชากรเพียงแค่ 235,000 คน บวกกับความเป็นกันเองของชาวเมืองดาร์วิน ส่งผลให้การท่องเที่ยว เป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของดาร์วิน เมืองนี้มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมมากกว่า 1.38 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคม จะมีนักท่องเที่ยวเยอะมากเป็นพิเศษ คนที่ชื่นชอบเมืองดาร์วิน คือคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ เมืองดาร์วินมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง เช่น Kakadu, Litchfield, Bathurst และ Melville Islands
ในด้านความปลอดภัย ด้วยเหตุที่เมืองนี้มีประชากรน้อย การเกิดอาชญากรรมจึงค่อนข้างน้อย และที่สำคัญที่สุดก็คือค่าครองชีพที่ถูกกว่ามาตรฐานค่าครองชีพออสเตรเลีย โดยโรงแรม จะมีราคาคืนละประมาณ $100 ค่าอาหารในร้านอาหาร เริ่มต้น $4-$5 ค่าเช่าที่พักอาศัย เฉลี่ยเริ่มต้น $210 ต่อสัปดาห์ และมีการสร้างอพาร์ทเมนท์ โรงแรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ค่าที่พักอาศัยถูกลงไปอีก ซึ่งที่พักในเมืองดาร์วิน มีหลากหลายรูปแบบเช่นเดียวกันกับเมืองอื่น แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ราคาถูกกว่า ซึ่งที่พักส่วนใหญ่ ที่นิยมสำหรับนักเรียนต่างชาติ ที่เดินทางมาเรียนที่เมืองดาร์วินคือ ที่พักแบบโฮสแฟมิลี่ หรือครอบครัวอุปถัมภ์ที่น้องๆต้องไปพักอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่พวกเขาใช้ในการฝึกภาษาต่างประเทศและซึมซับกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษานั้นๆ ซึ่งนี่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ภาษาใหม่และเข้าถึงวัฒนธรรมของคนพื้นเมือง นอกจากการอยู่ร่วมกับ Host Family ระหว่างการเรียนต่อต่างประเทศจะช่วยทำให้คุณพัฒนาทักษะภาษาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นแล้ว การอาศัยร่วมกับผู้อื่นยังช่วยทำให้คุณเป็นคนมีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา และเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายอีกด้วย
สำหรับการเดินทางก็สามารถใช้บริการ รถขนส่งสาธารณะ เช่น รถบัส สามารถซื้อบัตร Tap and Ride ในราคา $20 ซึ่งบัตรนี้ สามารถเดินทางด้วยรถบัสได้ 7 วันติดต่อกัน โดยไม่จำกัดระยะทาง หรือเลือกตั๋วแบบราคา $3 ซึ่งสามารถใช้ได้ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง โดยไม่จำกัดระยะเวลาการเดินทางเช่นกัน หรือใช้บริการขนส่งมวลชนอย่าง UBER
ในส่วนของผู้คนส่วนใหญ่ที่พักอาศัยในเมืองดาร์วิน นิยมการเดิน หรือปั่นจักรยาน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากเมืองดาร์วินมีขนาดค่อนข้างเล็ก ดังนั้น ระยะทางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะอยู่ใกล้กัน
เมืองดาร์วินมีหลักสูตรที่ครบทุกสาขาวิชา ตั้งแต่โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ มหาวิทยาลัย รวมถึงโรงเรียนภาษาหลายแห่ง ทุกสถาบันการศึกษา ได้รับการรับรองจากรัฐบาลออสเตรเลีย วุฒิการศึกษามีคุณภาพสูง
สถาบันการศึกษาที่แนะนำ ในเมืองดาร์วิน
สถานที่ท่องเที่ยว
7. โฮบาร์ต (Hobart)
Hobart (โฮบาร์ต) เป็นอีกหนึ่งเมืองของออสเตรเลียที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติและสถาปัตยกรรม ตัวเมืองอยู่ระหว่างธรรมชาติของภูเขาและแม่น้ำ สถาปัตยกรรมของเมืองเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมและอาคารอุตสาหกรรม ทำให้โฮบาร์ตเป็นเมืองที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวทุกฤดูกาล สำหรับสภาพอากาศฤดูร้อน (เดือนกันยายน-เมษายน) เป็นช่วงที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว แต่ก็ควรเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ มาด้วยเพราะในช่วงกลางคืนจะมีอากาศที่หนาวเย็น ช่วงฤดูหนาว (เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม) เป็นเดือนที่มีบรรยากาศเงียบสงบ เพราะมีช่วงกลางวันที่สั้นลงและอุณหภูมิหนาวเย็นระหว่าง 4-8 องศาเซลเซียสเท่านั้น โฮบาร์ตจึงมีการจัดเทศกาลประจำปี เช่น MONA FOMA Summer Festival of music and Art งานเทศกาลดนตรีและศิลปะ (เดือนมกราคม) และเทศกาล DARK MOFO ในช่วงฤดูหนาว (เดือนมิถุนายน) ที่มีผู้มาร่วมงานมากที่สุด เมืองโฮบาร์ตจะคึกคักที่สุดในฤดูร้อน ในวันปีใหม่ที่การแข่งขันแล่นเรือ Sydney to Hobart Yacht Race อีกทั้งเทศกาลภาพยนตร์ เพลงแจ๊ส อาหาร และไวน์
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัมผัสธรรมชาติก็สามารถขับรถจากตัวเมือง และทำกิจกรรมสำรวจธรรมชาติทั้งเดินเท้าและปั่นจักรยานผ่านภูเขาที่ตัดกันไปมาของภูเขาเวลลิงตันที่มีทิวทัศน์อันงดงาม หรือเดินทางไปคาบสมุทรแทสแมนที่ตั้งของสิ่งมหัศจรรย์อันน่าทึ่งอย่างเช่นโบลว์โฮลและแทสแมนอาร์ค ล่องเรือราคาประหยัดไปยังหน้าผาทะเลที่สูงที่สุดของซีกโลกใต้เพื่อดูโลมา แมวน้ำขน นกอัลบาทรอส และวาฬอพยพ หรือขับรถไปยังเมย์ดีน่าที่มีชื่อเสียงในเรื่องเส้นทางจักรยานภูเขา เพื่อชมธรรมชาติที่เป็นมรดกโลกของแทสเมเนีย ใกล้ชิดกับแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอันน่าทึ่งอย่างเช่นอุทยานแห่งชาติภูเขาฟิลด์และอุทยานแห่งชาติเซาท์เวสต์
การเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยว
สถาบันการศึกษาที่แนะนำ ในเมืองโฮบาร์ต
8. แคนเบอร์รา (Canberra)
แคนเบอร์รา (Canberra) คือเมืองหลวงของออสเตรเลีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย แคปิตอล เทอร์ริทอรี (Australian Capital Territory) มีผังเมืองที่มีแนวคิดจาก Garden city movement ทำให้เมืองมีพื้นที่ทางธรรมชาติค่อนข้างมาก จนได้รับฉายาว่า “Bush capital” จุดเด่นของแคนเบอร์ราที่ไม่เหมือนกับเมืองส่วนใหญ่ทางชายทะเลฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย แคนเบอร์รา นั้นมี 4 ฤดูกาล ฤดูร้อน (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) มีอากาศแห้งและร้อน ฤดูหนาว (มิถุนายน-สิงหาคม) จะมีอากาศหนาวเป็นส่วนใหญ่ ฤดูใบไม้ผลิ (กันยายน-พฤศจิกายน) ฤดูใบไม้ร่วง (มีนาคม-พฤษภาคม)
สำหรับการท่องเที่ยวจะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมร่วมสมัย งานศิลปะ เช่น New Acton Precinct คือ จุดรวมของสถาปัตยกรรมร่วมสมัย งานศิลปะ และอาหาร ลองแวะลิ้มลองค็อกเทลที่ร้าน Monster Kitchen and Bar opens in new window ซึ่งตั้งอยู่บริเวณห้องโถงของโรงแรม และเยี่ยมชมหอศิลป์ภาพเสมือนแห่งชาติ National Portrait Gallery ที่จัดแสดงภาพผู้ร่วมก่อตั้งประเทศออสเตรเลีย เป็นผลงานของศิลปินและช่างภาพชาวออสเตรเลียอันเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ ออกแบบโดย Johnson Pilton Walker สำหรับใครที่ชอบกิน ก็สามารถเดินทางไปทางเหนือที่เป็นย่านธุรกิจที่มีบรรยากาศคึกคักตลอดทั้งวั้น ที่นั้นเต็มไปด้วยคาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารอร่อยๆ อีกมากมาย
การเดินทาง
สถาบันการศึกษาที่แนะนำ ในเมืองแคนเบอร่า
